SMITE เกมแนว MOBA มุมมองบุคคลที่ 3 โดดเด่นไม่เหมือนใครจากค่าย Hi-Rez Studio

เกม Smite เป็นเกมแนว MOBA พัฒนาโดย Hi-Rez Studios และเสริมด้วยขุมพลังจาก Unreal Engine 3 เกมนี้จะต่างจากเกม MOBA ทั่วไปโดยสิ้นเชิงเพราะมีมุมมองแบบ TPS (มุมมองบุคคลที่สาม) ที่ใช้ปุ่ม W A S D ในการบังคับตัวละครแทนการคลิกเม้าส์เหมือน MOBA เกมอื่นๆ ตัวละครต่างๆในเกม Smite นั้นจะเป็นเทพเจ้าของศาสนาต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลก เช่น Zeus, Thor, Kali, Apollo, GuanYu, Osiris เป็นต้น โดยเทพแต่ละองค์ก็จะแบ่งสายการเล่นหลักทั้งหมด 5 สาย คือ Mage, Hunter, Assasin, Guardian และ Warrior โดยเริ่มเกมจะมีเทพราห์ให้เราลองเล่นในโหมดฝึกหัดเพื่อเพิ่มพื้นฐานและความเข้าใจใน Feature ของเกม Smite

โดยเกม Smite นั้นจะมีระบบการเล่นที่ค่อนข้างแหวกแนวไปจากเกม MOBA ทั่วไป ซึ่งเกมนี้มีให้เลือกมากกว่า 5 แบบเลยคือ Conquest, Arena, Domination, Conquest Ranked, Joust และ Water World ครับซึ่งทุกๆโหมดนั้นล้วนมีความแปลกใหม่อย่างมากและรูปแบบการเล่นก็ไม่ซ้ำกันเลย โดยทุกระบบนั้นจะเป็นการสุ่มผู้เล่นเพื่อจับคู่เล่นกัน ถ้าเราไม่อยากจะสุ่มเล่นก็สามารถเลือกเล่นแบบ Custom เกมหรือการสร้างห้อง (Create Room) ได้เหมือนกันครับ ทางด้าน Interface ของเกม Smite นั้นค่อนข้างจะออกไปทางแนวแฟนตาซีแต่ดีมากๆ เรียบง่าย ไม่รกจนเกินไป โดยหน้าลอบบี้ของเกมนั้นจะมีรายละเอียดต่างๆจำพวก โปรโมชั่น การแข่งขัน ข่าวอัพเดตต่างๆ ร้านค้า ล้วนแบ่งหมวดหมู่ที่เข้าใจได้ง่ายทั้งสิ้นเลยครับ

สำหรับจุดเริ่มต้นนั้นทางเกมจะมีการเทพที่สามารถเลือกเล่นให้ฟรีๆอยู่ทั้งหมด 10 องค์ซึ่งพื้นฐาน 6 องค์และแบบสลับสับเปลี่ยนทุกๆสัปดาห์อีก 4 องค์ครับ ทางผู้พัฒนาจะให้เราลองเลือกเล่นดูก่อนว่าเหมาะกับสไตล์การเล่นเราหรือไม่ ถ้าถูกใจตัวไหนเป็นพิเศษก็สามารถกดซื้อได้เลยทันทีครับแต่ราคามันก็ไม่ได้ถูกซะทีเดียว แต่ก็สามารถซื้อได้โดยเก็บเงินโดยการเล่นจบเกมครับ แต่ที่น่าตกใจมากๆก็คือเทพแต่ละองค์ราคาสูงมากๆ บางองค์ราคาหลักหมื่นทองเลยก็มี ส่วนสกินหรืออวต้าร์ก็มีให้เลือกซื้อเหมือนกันครับโดยที่สามารถใช้เงินในเกมซื้อได้เช่นกัน

เรามาดูหน้าตาในเกมตอนเล่นกันบ้างดีกว่าครับ สำหรับระบบการเลือกซื้อItem ในเกม Smite นั้นจะมีการแบ่งประเภท หมวดหมู่และระดับการอัพเกรดไอเทมไว้อย่างชัดเจน สามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการของผู้เล่นหรือจะตั้งไว้เป็นระบบออโต้ตาม Recommend ของเกมก็ได้ครับ แต่ที่น่าเสียดายมากๆก็คือเกมนี้จะไม่มีตัวส่งของเหมือนเกมแนว MOBA เกมอื่นๆแต่ก็ยังดีที่ยังสามารถวาปกลับฐานได้ครับ ส่วนแผนที่ในเกมนั้นก็ค่อนข้างเล็กพอสมควรเดินแปปเดียวก็เจอกันแล้ว

รูปแบบสกิลความสามารถของเทพในเกม Smite นั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ Passive และ Active เทพทุกองค์จะมีสกิล Passive ติดตัวมาคนละหนึ่งสกิลและมีสกิลแบบ Active มาอีก 4 สกิลรวมถึงสกิลไม้ตายด้วยซึ่งแต่ละสกิลจะสามารถอัพได้ 5 ขั้นด้วยกัน โดยที่เราสามารถกดอัพได้ตามใจชอบหรือใช้ระบบออโต้อัพได้เช่นกันครับ ส่วนตัวถือว่าทำออกมาให้อ่านและเข้าใจได้ง่ายมากๆเลย แต่ถ้ามีส่วนที่เป็นคลิปวีดีโอเสริมเข้ามาจะทำให้ดีขึ้นอีกมากโขเลย หลายๆเกมแนว MOBA นั้นไม่มีระบบที่เรียกว่าโชว์ระยะของการใช้สกิล แต่ในเกม Smite นั้นมีครับแถมชัดเจนมากด้วย เพราะการเล่นแบบ Action TPS นั้นจำเป็นต้องมี Vision ในระดับที่กว้างและชัดเจนเอามากๆต่างกันเกม MOBA ที่เป็นแบบ RTS ในมุมมอง Bird eye view ส่วนตัวผมก็ชอบนะแต่ถ้ามันปิดได้จะโอเคกว่านี้ สำหรับคนที่เล่นค่อนข้างโปรแล้วระบบนี้ดูจะรกๆไปบ้าง

เรามาดูระบบเดินป่ากันบ้างดีกว่าครับ สำหรับเกม smite นั้นระบบการฟารมมอนสเตอร์ในป่านั้นเรียกได้ว่าโคตรแหวกแนว และต่างไปจากเกม MOBA ตามท้องตลาดทั่วไปอย่างมากเพราะว่ามีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนและกำหนดไว้ว่าจุดไหน ตัวไหน ทำอะไรได้บ้าง มีสกิลเสริมอะไร แต่สำหรับระบบที่ค่อนข้างแหวกแนวนี้ก็ยังคงมีจุดด้อยอยู่เยอะพอสมควร โดยที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่แนะนำมาเค้าจะไม่ค่อยชอบมอนสเตอร์ที่ให้ buff เร่งความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำให้การเดินป่าในช่วงต้นเกมนั้นค่อนข้างไว้และต่อเนื่องมากๆ คือสรุปง่ายๆก็คือคนฟารมป่ามันเก็บเลเวลไวกว่าคนฟารมในเลนนั่งเองครับ